คำนวณจุดคุ้มทุน: Microinverter แพงกว่าจริง แต่คุ้มค่าหรือไม่?
ในการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน เราต้องมองให้ไกลกว่าป้ายราคา และพิจารณาปัจจัยสำคัญ 2 ด้าน คือ "ต้นทุนทั้งหมด (Cost)" และ "มูลค่าที่ได้รับ (Value)" ตลอดอายุโครงการ
ปัจจัยด้านต้นทุน: ทำไม Microinverter ถึงแพงกว่า?
ต้นทุนเริ่มต้นของระบบไมโครอินเวอร์เตอร์สูงกว่าสตริงอินเวอร์เตอร์อย่างชัดเจน เนื่องจาก:
จำนวนอุปกรณ์: ต้องใช้อินเวอร์เตอร์ขนาดเล็กจำนวนมาก (1 ตัวต่อ 1-2 แผง) เทียบกับสตริงอินเวอร์เตอร์ที่ใช้เพียงกล่องเดียว
ความซับซ้อนในการติดตั้ง: การติดตั้งอุปกรณ์บนหลังคามีขั้นตอนที่มากกว่า
โดยทั่วไป ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์อาจมีต้นทุนเริ่มต้น สูงกว่าระบบสตริงอินเวอร์เตอร์ประมาณ 15-25% สำหรับขนาดระบบที่เท่ากัน
ปัจจัยด้านมูลค่า: Microinverter "สร้างเงิน" คืนมาได้อย่างไร?
นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้การลงทุนที่สูงกว่าอาจ "คุ้มค่า" ได้ มูลค่าที่ได้รับคือ ปริมาณพลังงานไฟฟ้า (kWh) ที่ผลิตได้มากขึ้น ซึ่งแปลว่าค่าไฟที่ประหยัดได้มากขึ้นนั่นเอง
การเพิ่มผลผลิตในที่ร่มเงา: หากหลังคาของคุณมีเงาจากต้นไม้หรืออาคารข้างเคียงบดบังในบางช่วงของวัน ไมโครอินเวอร์เตอร์จะแสดงศักยภาพสูงสุด เพราะแผงที่ไม่โดนเงายังคงผลิตไฟได้เต็มที่ ในขณะที่ระบบสตริงจะถูกฉุดประสิทธิภาพลงทั้งระบบ ซึ่งอาจทำให้ไมโครอินเวอร์เตอร์ผลิตไฟได้ มากกว่า 5-25% ต่อปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเงา
ประสิทธิภาพการผลิตสูงสุดของแต่ละแผง: แม้ไม่มีเงา แผงแต่ละใบก็อาจมีประสิทธิภาพแตกต่างกันเล็กน้อยจากโรงงาน หรือเสื่อมสภาพไม่เท่ากัน ไมโครอินเวอร์เตอร์จะช่วยให้แผงทุกใบทำงานที่จุดสูงสุดของตัวเองเสมอ
ความน่าเชื่อถือและข้อมูลรายแผง: การดูข้อมูลรายแผงได้ช่วยให้ตรวจพบและแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว ลดการสูญเสียโอกาสในการผลิตไฟ (Downtime)
ลองคำนวณจุดคุ้มทุน (ตัวอย่างเปรียบเทียบ)
สมมติว่าเราติดตั้งระบบขนาด 5kW ในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งผลิตไฟได้เฉลี่ย 20 หน่วย/วัน (7,300 หน่วย/ปี) และค่าไฟหน่วยละ 4.5 บาท
กรณีที่ 1: หลังคาโล่ง ไม่มีเงาบัง
ระบบ | ต้นทุนติดตั้ง | ประหยัดค่าไฟ/ปี | จุดคุ้มทุน (ROI) |
String Inverter | 180,000 บาท | 180,000 บาท | 7,300 x 4.5 = 32,850 บาท |
Microinverter | 220,000 บาท | 7,300 x 4.5 = 32,850 บาท |
220,000 / 32,850 6.7 ปี |
สรุป: ในกรณีนี้ String Inverter คุ้มค่าและคืนทุนเร็วกว่า
กรณีที่ 2: หลังคามีเงาบัง ทำให้ Microinverter ผลิตไฟได้มากกว่า 15%
ระบบ | ต้นทุนติดตั้ง | ประหยัดค่าไฟ/ปี | จุดคุ้มทุน (ROI) |
String Inverter | 180,000 บาท | (7,300 x 0.85) x 4.5 27,922 บาท | 180,000 / 27,922 6.4 ปี |
Microinverter | 220,000 บาท | 7,300 x 4.5 = 32,850 บาท | 220,000 / 32,850 6.7 ปี |
สรุป: ในกรณีนี้ จุดคุ้มทุนของทั้งสองระบบ "ใกล้เคียงกันมาก" แต่หลังจากปีที่ 6.7 เป็นต้นไป ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าไปตลอดอายุการใช้งาน
สรุป: แพงกว่า... แต่คุ้มค่าหรือไม่?
ไม่คุ้มค่า ถ้า... หลังคาของคุณเป็นหลังคาโล่งขนาดใหญ่ที่ไม่มีปัญหาเงาบดบังเลย การเลือกใช้ String Inverter จะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนรวดเร็วที่สุด
คุ้มค่าอย่างยิ่ง ถ้า... หลังคาของคุณมีความซับซ้อน, มีหลายทิศทาง, หรือมี ปัญหาเงาบดบัง แม้เพียงเล็กน้อย การลงทุนเพิ่มใน Microinverter จะช่วยให้คุณผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ซึ่งจะชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นในระยะยาวและอาจให้ผลตอบแทนโดยรวมที่ดีกว่า
การตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าประเมินหน้างานและวิเคราะห์เงาอย่างละเอียด เพื่อคำนวณและเลือกระบบที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับการลงทุนของคุณ
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน