คู่มือการออกแบบระบบโซลาร์รูฟท็อปด้วย Microinverter สำหรับหลังคาที่ซับซ้อน
อัพเดทล่าสุด: 9 ต.ค. 2025
5 ผู้เข้าชม
หัวใจของการออกแบบระบบด้วยไมโครอินเวอร์เตอร์คือ "อิสระ" คุณไม่ต้องกังวลกับกฎเกณฑ์การจัดสตริงที่ซับซ้อนเหมือนในระบบ String Inverter อีกต่อไป เพราะแผงแต่ละใบทำงานแยกจากกันอย่างสมบูรณ์
ขั้นตอนที่ 1: การสำรวจและวิเคราะห์หลังคา (Site Survey)
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจ "สนามแข่งขัน" ของเราให้ดีที่สุด
วัดขนาดพื้นที่ทั้งหมด: วัดขนาดของหลังคาแต่ละระนาบที่คุณต้องการติดตั้งแผง
ระบุทิศทาง: ใช้เข็มทิศหรือแอปพลิเคชันเพื่อระบุว่าหลังคาแต่ละส่วนหันไปทางทิศใด (เช่น ทิศใต้, ตะวันตก, ตะวันออก)
วิเคราะห์เงา (Shade Analysis): นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด สังเกตและบันทึกเงาที่พาดผ่านหลังคาในแต่ละช่วงเวลาของวันตลอดทั้งปี วัตถุที่สร้างเงาอาจเป็นต้นไม้, ปล่องไฟ, เสาอากาศ, หรืออาคารข้างเคียง
ขั้นตอนที่ 2: การเลือกอุปกรณ์ (Equipment Selection)
เลือกแผงโซล่าเซลล์: คุณสามารถเลือกแผงโซล่าเซลล์กำลังผลิตสูงรุ่นล่าสุดได้เกือบทุกรุ่น
เลือกไมโครอินเวอร์เตอร์: เลือกไมโครอินเวอร์เตอร์ที่ "เข้าคู่" กับแผงของคุณ
พิกัดกำลังไฟ (Power Rating): ไมโครอินเวอร์เตอร์ควรมีพิกัดกำลังไฟที่ใกล้เคียงกับกำลังผลิตของแผง เช่น หากใช้แผง 550W ควรเลือกไมโครอินเวอร์เตอร์ที่รองรับกำลังไฟ DC Input ได้สูง (เช่น Sungrow S1000S ที่รับได้ 2 แผง, Hoymiles HMS-1000 ที่รับได้ 2 แผง, หรือ Enphase IQ8 Series ที่รับได้ 1 แผง)
ความเข้ากันได้ทางไฟฟ้า: ตรวจสอบว่าแรงดัน (Vmp, Voc) และกระแส (Imp, Isc) ของแผงอยู่ในช่วงการทำงานที่ปลอดภัยของไมโครอินเวอร์เตอร์
ขั้นตอนที่ 3: การออกแบบเลย์เอาต์ (System Layout)
นี่คือจุดที่ความยืดหยุ่นของไมโครอินเวอร์เตอร์จะฉายแววออกมา
ติดตั้งแผงได้ทุกที่ที่มีแสง: คุณสามารถวางแผงบนหลังคาได้ทุกส่วนที่มีแสงแดดส่องถึง โดยไม่ต้องกังวลว่าต้องเป็นระนาบเดียวกันหรือทิศทางเดียวกัน
ผสมผสานทิศทางได้: คุณสามารถวางแผง 5 ใบบนหลังคาทิศตะวันออก, 8 ใบบนหลังคาทิศใต้, และ 4 ใบบนหลังคาทิศตะวันตก ทั้งหมดในระบบเดียวกันได้อย่างไม่มีปัญหา
หลีกเลี่ยงเงาเท่าที่ทำได้: แม้ไมโครอินเวอร์เตอร์จะทนต่อเงาได้ดี แต่การวางแผงในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดนานที่สุดก็ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ตัวอย่างการออกแบบ:
บ้านหลังหนึ่งมีหลังคา 2 ด้าน คือทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และมีเงาต้นไม้พาดผ่านหลังคาทิศตะวันตกในช่วงบ่าย
การออกแบบด้วย String Inverter (ยาก): อาจต้องใช้อินเวอร์เตอร์ที่มี 2 MPPT และอาจต้องเพิ่ม Optimizer ในส่วนที่โดนเงา ทำให้ระบบซับซ้อนและมีราคาสูง
การออกแบบด้วย Microinverter (ง่าย): สามารถวางแผงบนหลังคาทั้งสองทิศทางได้เลย แผงที่โดนเงาในตอนบ่ายจะผลิตไฟน้อยลง แต่แผงที่เหลือทั้งหมดจะยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพ
ขั้นตอนที่ 4: การออกแบบระบบไฟฟ้า AC และการสื่อสาร
การเดินสายไฟ AC: สายไฟจากไมโครอินเวอร์เตอร์แต่ละตัวจะเป็นไฟฟ้า AC 220V ซึ่งจะถูกนำมารวมกันบนหลังคาด้วยสาย Trunk Cable และคอนเนคเตอร์เฉพาะทาง จากนั้นจะใช้สาย AC เพียงเส้นเดียวเดินลงมายังตู้ไฟหลักของบ้าน (MDB) ซึ่งมีความปลอดภัยและติดตั้งง่ายกว่าสาย DC แรงดันสูง
การติดตั้งเกตเวย์ (Gateway): ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เกตเวย์ (หรือ Envoy) ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากไมโครอินเวอร์เตอร์ทุกตัวบนหลังคา แล้วส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi หรือ LAN ไปยังระบบคลาวด์ เพื่อให้คุณสามารถดูข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันได้
สรุป: อิสระในการออกแบบเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การออกแบบระบบโซล่าเซลล์ด้วยไมโครอินเวอร์เตอร์สำหรับหลังคาที่ซับซ้อน คือการปลดปล่อยศักยภาพของพื้นที่ทุกตารางเมตรให้เป็นประโยชน์สูงสุด มันเปลี่ยนข้อจำกัดเรื่องทิศทางและเงาบังให้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย และมอบระบบที่ผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, ปลอดภัยสูงสุด, และสามารถตรวจสอบการทำงานได้ในระดับแผง
ที่ SKE Engineering เรามีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หลังคาที่ซับซ้อนและออกแบบระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ที่สามารถเค้นประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้ ปรึกษาทีมวิศวกรของเราเพื่อเปลี่ยนหลังคาบ้านคุณให้เป็นโรงไฟฟ้าอัจฉริยะ
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน
ขั้นตอนที่ 1: การสำรวจและวิเคราะห์หลังคา (Site Survey)
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจ "สนามแข่งขัน" ของเราให้ดีที่สุด
วัดขนาดพื้นที่ทั้งหมด: วัดขนาดของหลังคาแต่ละระนาบที่คุณต้องการติดตั้งแผง
ระบุทิศทาง: ใช้เข็มทิศหรือแอปพลิเคชันเพื่อระบุว่าหลังคาแต่ละส่วนหันไปทางทิศใด (เช่น ทิศใต้, ตะวันตก, ตะวันออก)
วิเคราะห์เงา (Shade Analysis): นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด สังเกตและบันทึกเงาที่พาดผ่านหลังคาในแต่ละช่วงเวลาของวันตลอดทั้งปี วัตถุที่สร้างเงาอาจเป็นต้นไม้, ปล่องไฟ, เสาอากาศ, หรืออาคารข้างเคียง
ขั้นตอนที่ 2: การเลือกอุปกรณ์ (Equipment Selection)
เลือกแผงโซล่าเซลล์: คุณสามารถเลือกแผงโซล่าเซลล์กำลังผลิตสูงรุ่นล่าสุดได้เกือบทุกรุ่น
เลือกไมโครอินเวอร์เตอร์: เลือกไมโครอินเวอร์เตอร์ที่ "เข้าคู่" กับแผงของคุณ
พิกัดกำลังไฟ (Power Rating): ไมโครอินเวอร์เตอร์ควรมีพิกัดกำลังไฟที่ใกล้เคียงกับกำลังผลิตของแผง เช่น หากใช้แผง 550W ควรเลือกไมโครอินเวอร์เตอร์ที่รองรับกำลังไฟ DC Input ได้สูง (เช่น Sungrow S1000S ที่รับได้ 2 แผง, Hoymiles HMS-1000 ที่รับได้ 2 แผง, หรือ Enphase IQ8 Series ที่รับได้ 1 แผง)
ความเข้ากันได้ทางไฟฟ้า: ตรวจสอบว่าแรงดัน (Vmp, Voc) และกระแส (Imp, Isc) ของแผงอยู่ในช่วงการทำงานที่ปลอดภัยของไมโครอินเวอร์เตอร์
ขั้นตอนที่ 3: การออกแบบเลย์เอาต์ (System Layout)
นี่คือจุดที่ความยืดหยุ่นของไมโครอินเวอร์เตอร์จะฉายแววออกมา
ติดตั้งแผงได้ทุกที่ที่มีแสง: คุณสามารถวางแผงบนหลังคาได้ทุกส่วนที่มีแสงแดดส่องถึง โดยไม่ต้องกังวลว่าต้องเป็นระนาบเดียวกันหรือทิศทางเดียวกัน
ผสมผสานทิศทางได้: คุณสามารถวางแผง 5 ใบบนหลังคาทิศตะวันออก, 8 ใบบนหลังคาทิศใต้, และ 4 ใบบนหลังคาทิศตะวันตก ทั้งหมดในระบบเดียวกันได้อย่างไม่มีปัญหา
หลีกเลี่ยงเงาเท่าที่ทำได้: แม้ไมโครอินเวอร์เตอร์จะทนต่อเงาได้ดี แต่การวางแผงในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดนานที่สุดก็ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ตัวอย่างการออกแบบ:
บ้านหลังหนึ่งมีหลังคา 2 ด้าน คือทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และมีเงาต้นไม้พาดผ่านหลังคาทิศตะวันตกในช่วงบ่าย
การออกแบบด้วย String Inverter (ยาก): อาจต้องใช้อินเวอร์เตอร์ที่มี 2 MPPT และอาจต้องเพิ่ม Optimizer ในส่วนที่โดนเงา ทำให้ระบบซับซ้อนและมีราคาสูง
การออกแบบด้วย Microinverter (ง่าย): สามารถวางแผงบนหลังคาทั้งสองทิศทางได้เลย แผงที่โดนเงาในตอนบ่ายจะผลิตไฟน้อยลง แต่แผงที่เหลือทั้งหมดจะยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพ
ขั้นตอนที่ 4: การออกแบบระบบไฟฟ้า AC และการสื่อสาร
การเดินสายไฟ AC: สายไฟจากไมโครอินเวอร์เตอร์แต่ละตัวจะเป็นไฟฟ้า AC 220V ซึ่งจะถูกนำมารวมกันบนหลังคาด้วยสาย Trunk Cable และคอนเนคเตอร์เฉพาะทาง จากนั้นจะใช้สาย AC เพียงเส้นเดียวเดินลงมายังตู้ไฟหลักของบ้าน (MDB) ซึ่งมีความปลอดภัยและติดตั้งง่ายกว่าสาย DC แรงดันสูง
การติดตั้งเกตเวย์ (Gateway): ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เกตเวย์ (หรือ Envoy) ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากไมโครอินเวอร์เตอร์ทุกตัวบนหลังคา แล้วส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi หรือ LAN ไปยังระบบคลาวด์ เพื่อให้คุณสามารถดูข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันได้
สรุป: อิสระในการออกแบบเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การออกแบบระบบโซล่าเซลล์ด้วยไมโครอินเวอร์เตอร์สำหรับหลังคาที่ซับซ้อน คือการปลดปล่อยศักยภาพของพื้นที่ทุกตารางเมตรให้เป็นประโยชน์สูงสุด มันเปลี่ยนข้อจำกัดเรื่องทิศทางและเงาบังให้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย และมอบระบบที่ผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, ปลอดภัยสูงสุด, และสามารถตรวจสอบการทำงานได้ในระดับแผง
ที่ SKE Engineering เรามีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หลังคาที่ซับซ้อนและออกแบบระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ที่สามารถเค้นประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้ ปรึกษาทีมวิศวกรของเราเพื่อเปลี่ยนหลังคาบ้านคุณให้เป็นโรงไฟฟ้าอัจฉริยะ
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน
บทความที่เกี่ยวข้อง
SKE แนะนำเคล็ดลับการบำรุงรักษาอินเวอร์เตอร์ Sungrow SG5.0RS ด้วยตัวเองง่ายๆ ตั้งแต่การดูแลความสะอาด, การระบายอากาศ, ไปจนถึงการตรวจสอบผ่านแอป iSolarCloud
12 ต.ค. 2025
SKE แนะนำวิธีเลือกขนาดและจำนวนแผงโซล่าเซลล์ให้เหมาะสมกับอินเวอร์เตอร์ Sungrow SG5.0RS พร้อมหลักการคำนวณ DC Oversizing และข้อควรระวังทางเทคนิค
11 ต.ค. 2025