คู่มือตั้งค่า EMS ใน Sungrow SH-RS: เลือกโหมดไหนให้ประหยัดที่สุด
เจาะลึกระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (EMS) ใน Sungrow SH-RS: ตั้งค่าอย่างไรให้ประหยัดค่าไฟสูงสุด
การมีอินเวอร์เตอร์ไฮบริดและแบตเตอรี่ก็เหมือนกับการมีโรงไฟฟ้าและแหล่งเก็บพลังงานส่วนตัว แต่การจะดึงศักยภาพสูงสุดออกมาได้นั้น ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า "สมองกล" ที่เรียกว่า EMS (Energy Management System) ให้ทำงานได้อย่างชาญฉลาดที่สุด บทความนี้ SKE จะพาไปทำความรู้จักกับโหมดการทำงานหลักๆ ใน Sungrow SH-RS Series และแนะนำว่าควรเลือกโหมดไหนให้เหมาะกับบ้านของคุณ
EMS คืออะไร?
EMS คือซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ฝังอยู่ในอินเวอร์เตอร์ไฮบริด ทำหน้าที่เป็น "ผู้จัดการ" คอยตัดสินใจว่าจะดึงพลังงานจากแหล่งไหน (แผงโซล่าเซลล์, แบตเตอรี่, หรือการไฟฟ้า) ไปใช้ที่ไหน (จ่ายให้บ้าน, ชาร์จแบตเตอรี่, หรือส่งคืนการไฟฟ้า) โดยมีเป้าหมายหลักคือ "ประหยัดค่าไฟให้ได้มากที่สุด"
ทำความรู้จัก 3 โหมดการทำงานหลักใน Sungrow SH-RS
โดยทั่วไป อินเวอร์เตอร์ Sungrow Hybrid จะมีโหมดการทำงานหลักให้เลือก 3 โหมด ซึ่งแต่ละโหมดมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน
1. โหมดบริโภคเอง (Self-consumption Mode) - โหมดพื้นฐานที่คุ้มค่าที่สุด
นี่คือโหมดที่ได้รับความนิยมและเหมาะสมกับบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่สุด หลักการทำงานคือ "ใช้ไฟที่ผลิตเองให้ได้มากที่สุด"
หลักการทำงาน (ลำดับความสำคัญ):
- ตอนกลางวัน: ไฟจากโซล่าเซลล์จะถูกส่งไปให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (Load) ก่อน
- ถ้าไฟเหลือ: ไฟส่วนเกินจะถูกนำไปชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม
- ตอนกลางคืน: เมื่อไม่มีแดด ระบบจะดึงไฟที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ออกมาใช้ก่อน
- ถ้าไฟในแบตฯ หมด: ระบบจะสลับไปดึงไฟจากการไฟฟ้า (Grid) มาใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปในประเทศไทยที่ใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบปกติ (Progressive Rate) เพราะโหมดนี้จะช่วยลดการดึงไฟจากการไฟฟ้าได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้ประหยัดค่าไฟโดยรวมได้สูงสุด
2. โหมดตามช่วงเวลา (Time of Use Mode - TOU) - โหมดสำหรับนักวางแผน
โหมดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับบ้านหรือธุรกิจที่ติดตั้ง มิเตอร์ TOU (Time of Use) ซึ่งมีอัตราค่าไฟแตกต่างกันตามช่วงเวลา (Peak / Off-Peak)
หลักการทำงาน (ปรับเปลี่ยนได้):
เราสามารถตั้งเวลา "ชาร์จ" และ "จ่ายไฟ" ของแบตเตอรี่ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาค่าไฟได้ เช่น:
- ช่วง On-Peak (ค่าไฟแพง): ตั้งค่าให้ระบบดึงไฟจาก "โซล่าเซลล์และแบตเตอรี่" มาใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ไฟจากการไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด
- ช่วง Off-Peak (ค่าไฟถูก): ตั้งค่าให้นำไฟจากโซล่าเซลล์ไปชาร์จแบตเตอรี่ และหากจำเป็น ก็สามารถตั้งให้ "ดึงไฟจากการไฟฟ้าที่ราคาถูก" มาชาร์จแบตเตอรี่เก็บไว้ใช้ในช่วง On-Peak ได้ด้วย
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับบ้านหรือธุรกิจที่ติดตั้งมิเตอร์ TOU และมีความเข้าใจในพฤติกรรมการใช้ไฟของตัวเองเป็นอย่างดี เพื่อวางแผนการชาร์จและจ่ายไฟให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด
3. โหมดสำรองไฟ (Backup Mode) - โหมดเพื่อความมั่นคง
โหมดนี้ไม่ใช่โหมดสำหรับการประหยัดไฟโดยตรง แต่เป็นโหมดเพื่อ "ความอุ่นใจ"
หลักการทำงาน:
เราสามารถตั้งค่า "ระดับพลังงานสำรองขั้นต่ำ (Minimum SOC - State of Charge)" ไว้ในแบตเตอรี่ได้ เช่น ตั้งค่าไว้ที่ 30%
ในสภาวะปกติ ระบบจะใช้พลังงานในแบตเตอรี่ลงมาจนถึงระดับ 30% เท่านั้น และจะ "สงวน" พลังงาน 30% ที่เหลือไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดไฟฟ้าดับ คุณจะมีพลังงานสำรองไว้ใช้งานสำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นเสมอ
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไฟฟ้าดับบ่อย หรือมีอุปกรณ์สำคัญที่ไม่สามารถขาดไฟฟ้าได้ (เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์, ระบบ Server)
สรุป: โหมดไหนประหยัดที่สุดสำหรับคุณ?
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปในประเทศไทยที่ไม่ได้ใช้มิเตอร์ TOU การตั้งค่า "โหมดบริโภคเอง (Self-consumption Mode)" คือตัวเลือกที่ให้ความคุ้มค่าและประหยัดค่าไฟได้ดีที่สุดและง่ายที่สุด เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อลดการพึ่งพาการไฟฟ้าให้ได้มากที่สุดโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน การปรึกษาทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ไฟและเลือกโหมดที่ลงตัวที่สุด จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในระบบโซล่าเซลล์ไฮบริด
---
ติดต่อสอบถามและประเมินหน้างานฟรี:
บริษัท ทรัพย์ศฤงคาร เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SKE Solar)
โทร: 045-905-215
เว็บไซต์: www.supsaringkan.co.th
Facebook: facebook.com/SKESolarEnergyUbon
LINE: @supsaringkan97
#โซลาร์เซลล์ #ติดตั้งโซลาร์เซลล์ #ลดค่าไฟ #SKESolar #พลังงานแสงอาทิตย์ #การลงทุน